วงไฟเย็นมาจากการรวมตัวของสมาชิกจากวง “ท่าเสา” ของ “วัฒน์ วรรลยางกูร” นักเขียน กวี และนักร้องที่มีชื่อเสียง โดยมีสมาชิกเริ่มแรกคือ “ขุนทอง” มือคีย์บอร์ด, “โยนก” นักร้องนำและมือกีต้าร์, “กล้วย” มือกลอง ต่อมาได้ “อุ๊” มาเล่นตำแหน่งเพอร์คัสชั่น และ “จอม” ตำแหน่งนักร้องเสริม รับหน้าที่ร้องประสาน และเอ็นเตอร์เทนคนฟัง
วงไฟเย็นเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่งานเค้าท์ดาวน์หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2011 โดยมีเพลงที่ได้รับความนิยมคือ “ลุงสมชาย ป้าสมจิตร” และ “ไม่รักนะ ระวังติดคุก” ซึ่งเนื้อหาของเพลงไฟเย็นส่วนใหญ่จะพุ่งเป้าไปที่ปัญหาหลักของระบอบการเมืองการปกครองไทย โดยเนื้อหาจะออกแนวเสียดสีแบบกวน ๆ โดยหยิบประเด็นต่าง ๆ ที่เป็นปัญหามาพูดในแบบที่เข้าใจง่าย
ผมรู้จักวงไฟเย็นครั้งแรกจากงานเปิดตัววงทับทิมสยาม ที่อนุสาวรีย์ตากสิน วงเวียนใหญ่ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2012 ซึ่งวงไฟเย็นมาแจมแบ็กอัพให้ในวันนั้น ผมรู้สึกว่าวงนี้นี่ฝีมือระดับมืออาชีพมาก สามารถเล่นตามได้แม้ไม่เคยฟังเพลงของวงเรามาก่อน แต่วันนั้นผมกลับก่อนที่จะได้ฟังผลงานเพลงของวงไฟเย็น แต่ต่อมาผมก็ได้รับฟังผลงานของวงอย่างเต็ม ๆ ที่หน้ารัฐสภา งานครบรอบ 2 ปี เหตุการณ์ 10 เมษายน รู้สึกชื่นชอบหลายเพลง และมองว่าผลงานระดับนี้ วงจะต้องเป็นตำนานอย่างแน่นอน
ผมกับจอมรู้จักกันมาก่อนบน Facebook แต่ไม่เคยเจอกันในชีวิตจริง เจอกันครั้งแรกที่งานเปิดตัววงทับทิมสยาม หลังจากนั้นจอมก็เป็นผู้ที่คอยผลักดันสนับสนุนวงทับทิมสยามมาโดยตลอด ต่อมาช่วงกลางปี 2013 โยนกได้ออกจากวงไฟเย็น เนื่องจากมีปัญหากับสมาชิกวงบางส่วน จอมได้โทรมาหาผมในเช้าวันที่ 24 สิงหาคม ปีเดียวกัน ชักชวนผมเข้าร่วมวงไฟเย็นในตำแหน่งมือกีต้าร์ เพื่อไปแสดงดนตรีที่หาดใหญ่ในวันที่ 25 ต้องออกเดินทางทันที ผมตอบ "ตกลง" และแบกกีต้าร์ไฟฟ้าไปที่จุดนัดพบทันที ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้มีโอกาสร่วมวงกับวงดนตรีที่มีฝีมือระดับนี้ แม้จะเคยร่วมแจมกันหลายครั้งตลอดเวลากว่า 1 ปี ผมไม่ลังเลเลยที่จะตอบรับคำชักชวนครั้งนี้
การร่วมงานกับวงไฟเย็นครั้งแรก ผมมีความกังวลใจมาก เนื่องจากผมตระหนักถึงฝีมือการเล่นดนตรีของตัวเองว่ายังดีไม่พอที่จะร่วมงานกับสมาชิกที่มีฝีมือในระดับมืออาชีพอย่างวงไฟเย็น แต่ขุนทองก็บอกเสมอว่าไม่ต้องไปซีเรียส เล่นให้สนุก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเกร็งอยู่ดี จะเล่นเพลงอะไรบ้างก็ไม่รู้ ไม่เคยแกะมาก่อนเลย เพลงที่ไม่เคยฟังจะทำยังไง ขุนทองบอกว่า เดี๋ยวบอกคีย์ให้แล้วเล่นตามมา ไม่ยากหรอก และเชื่อว่าผมทำได้ ผมถามว่าคิดยังไงถึงได้เลือกผม ทั้ง ๆ ที่มีคนอื่นที่มีฝีมือมากกว่า คำตอบคือเรื่องทัศนคติและนิสัย ถ้าเข้ากันได้ก็อยู่ด้วยกันได้นาน ส่วนเรื่องฝีมือเป็นเรื่องรอง ประเมินกันแล้วว่าผมผ่านจึงเลือกผม งานแรกที่เล่นคืองานที่หาดใหญ่ วันที่ 25 สิงหาคม 2013 ซึ่งก็ผ่านไปได้ด้วยดี แม้จะยังตะกุกตะกักอยู่บ้าง เนื่องจากเพิ่งเคยร่วมงานกันเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นผมก็ได้ร่วมแสดงดนตรีกับวงไฟเย็นในแทบทุกงาน โดยส่วนใหญ่จะเลือกไปเล่นหลังเลิกงาน และวันหยุดเป็นหลัก หากตรงกับช่วงเวลาที่ต้องทำงานประจำก็จะไม่ได้ไปร่วมเล่นด้วย วงไฟเย็นมีงานเยอะมาก มีแทบทุกวัน เวทีที่เล่นหลัก ๆ ประจำในช่วงนั้น คือการชุมนุมที่ราชมังคลากีฬาสถาน และหน้าสำนักงาน DSI กิจกรรมสำคัญที่วงไฟเย็นเข้าร่วมในช่วงนั้นคือ “10000 UP” จัดขึ้นโดยบก.ลายจุด ที่แยกราชประสงค์ เพื่อต่อต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเหมาเข่งสุดซอยโดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ผมมารู้ทีหลังว่าขุนทองเคยทำงานเป็นผู้เรียบเรียงเสียงประสาน และงานบันทึกเสียงต่าง ๆ ในค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย รวมทั้งงานเพลงเทิดพระเกียรติสถาบันกษัตริย์ไทยหลายเพลง รวมไปถึงเพลงพระราชนิพนธ์ด้วย แต่งานเพลงที่แกจับบ่อยที่สุดเห็นจะเป็นสายลูกกรุงและลูกทุ่ง กล้วยเคยเป็นมือกลองวง “อมตะ” วงดนตรีเพื่อชีวิตที่มีเพลงฮิตคือเพลง “ตาผุยชุมแพ” และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ อุ๊เคยเป็นมือกลองคนแรกของวงอมตะ ก่อนที่กล้วยจะเข้าวงด้วย กล้วยเป็นมือกลองอาชีพ เล่นงานผับ ร้านอาหารต่าง ๆ หลายที่ ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงเคยทำงานด้านซาวด์เอนจิเนียร์ในห้องบันทึกเสียง เคยร่วมงานกับ "จ่าหรอย เฮนรี่" และศิลปินอีกหลายคน เรียกได้ว่าสมาชิกวงไฟเย็นล้วนมีแต่คนดนตรีระดับมืออาชีพของจริงเลย
ผมได้ถูกนับว่าเป็นสมาชิกวงไฟเย็นอย่างเป็นทางการ หลังจากได้บันทึกเสียง และเผยแพร่เพลง “พอกันที” เพลงที่แต่งขึ้นเพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่ม “พอกันที ยุติความเคลื่อนไหวที่นำไปสู่ความรุนแรง” หรือที่รู้จักกันในชื่อแคมเปญ “จุดเทียนสันติภาพ” โดยเพลงนี้ได้นำส่วนหนึ่งของบทกวีของ "เกษียร เตชะพีระ" นักวิชาการที่มีชื่อเสียงที่เขียนขึ้นในช่วงนั้นมาใส่ทำนองและเนื้อเพลงเพิ่มเติม โดยผมเป็นผู้แต่งทำนองทั้งหมดและเนื้อเพลงเพิ่มเติมบางส่วน ซึ่งเนื้อเพลงเพิ่มเติมส่วนใหญ่เขียนโดยจอม โดยเพลงนี้ได้ถูกนำมาขับร้องในการเคลื่อนไหวตลอดช่วงเดือนมกราคม 2014 โดยผมกับจอมได้ไปร่วมงานของกลุ่มนี้แทบทุกครั้ง
ช่วงต้นปี 2014 วงไฟเย็นเล่นประจำอยู่ที่เวทีเรดการ์ดของโกตี๋ และจัดรายการ “ไฟเย็นพบประชาชน” ที่สถานีวิทยุ “เรดการ์ด เรดิโอ” จังหวัดปทุมธานี โดยวงไฟเย็นจะจัดรายการในช่วงดึก หลังเที่ยงคืนเป็นต้นไปเป็นหลัก รายการจะเป็นลักษณะเปิดเพลงสลับพูดการเมือง และรับสายหน้าไมค์ โดยขุนทองรับหน้าที่จัดเป็นหลักประจำแทบทุกวัน ส่วนผมกับจอมจะไปร่วมจัดบ้างเป็นบางวันเมื่อสะดวก ต่อมาในเดือนพฤษภาคม กลุ่มนปช.ได้ประกาศชุมนุมที่ถนนอักษะ มิตรสหายส่วนหนึ่งจึงไปตั้งเวทีคู่ขนานในระแวกนั้น และชักชวนวงไฟเย็นไปแสดงดนตรีในวันแรก ๆ ของงาน
วันที่ 17 พฤษภาคม 2014 วงไฟเย็นได้รับเชิญไปแสดงดนตรีที่งานเสวนา “จาก พฤษภาคม 35 ถึง พฤษภาคม 53” ที่โรงแรมกานต์มณี ซึ่งเป็นการแสดงดนตรีแบบเต็มวงเป็นครั้งสุดท้ายในประเทศไทยก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์รัฐประหารในอีก 5 วันต่อมา ตามด้วยประกาศหมายเรียกสมาชิกวงบางส่วนไปรายงานตัวต่อคสช. ซึ่งเป็นการบีบบังคับให้สมาชิกวงต้องตัดสินใจลี้ภัยทางการเมือง